ดูราคาบอลยังไง รู้ไว้ทำกำไรชัวร์ๆ

หากนักเดิมพันคนไหนอยากแทงบอลให้ได้กำไร ก็ต้องทำความเข้าใจกับกลไก ราคาบอล ซะก่อน ต้องรู้ว่ามีการออกราคาบอลยังไง ตอนไหนราคาบอลไหลขึ้น ไหลลง เพราะการตั้งราคาบอลในแต่ละแมตช์โดยเจ้ามือหรือเว็บแทงบอลออนไลน์นั้น

เรามักจะเห็นการเปลี่ยนแปลงจากราคาบอลที่มีการขึ้นลงอยู่เสมอ ซึ่งก็มาจากปัจจัยรอบด้านของการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มของแต่ละทีม หรือสถิติการแข่งขันต่างๆ เพื่อรักษาสมดุลของราคาบอลในแต่ละแมตช์ ฉะนั้น หากคุณดูราคาบอลให้เป็นและรู้ทันการออกราคาบอล คุณก็จะได้เปรียบและมีโอกาสสูงที่จะได้กำไรในการลงเดิมพันแต่ละครั้งนั่นเอง

ราคาบอลหรือค่าน้ำ คืออัตราจ่ายของคู่บอลที่เราจะลงเดิมพันนั่นเอง แน่นอนว่าหากเราเป็นนักพนันที่เคยเดิมพันกันบ้างอยู่แล้ว เราจะรู้ว่าราคาบอลหรืออัตราจ่ายของบอลแต่ละคู่นั้น จะมีการขึ้นลงที่เรียกว่าราคาบอลไหล อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งหากเราสังเกตดีๆจะพบว่า ต้นเหตุที่ทำให้ราคาบอลนั้นไหลขึ้นไหลลงตลอดนั้นก็เป็นเพราะว่า ความได้เปรียบเสียเปรียบของเกมการแข่งขันระหว่างทั้ง 2 ทีม รวมไปถึงโอกาสการเกิดแพ้ชนะของทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งเรามีวิธีสังเกตสำหรับนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงเดิมพัน

เทคนิคเลือกราคาบอล ที่ต้องรู้ก่อนเลือกลงเดิมพัน

1. ราคาบอลก่อนการแข่งขัน
ให้รอจนกว่าจะมีการประกาศรายชื่อผู้เล่น 11คนแรกออกมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจลงเดิมพันครับ ซึ่งรายชื่อ 11ตัวจริงนั้นจะประกาศอย่างเป็นทางการช้าเร็วต่างกันออกไปในแต่ละลีกการแข่งขัน แต่โดยทั่วไปแล้วประมาณ 2-5ชั่วโมงก่อนการแข่งขันครับ

2. ราคาบอลระหว่างการแข่งขัน
ราคาบอลระหว่างการแข่งขันนั้นจะค่อนข้างผันผวนกว่าราคาบอลก่อนการแข่งขันครับ เนื่องจากในเกมการแข่งขันนั้นอาจจะเกิดปัญหาภายในทีม การได้ใบเหลือง ใบแดง ผู้เล่นเจ็บ หรืออื่นๆอีกมากมาย ให้ลงเดิมพันในช่วงหลังการแข่งขันเริ่มไปแล้วประมาณ 10-20 นาทีของแต่ละครึ่งเกมการแข่งขัน เนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่นักเตะของแต่ละทีมได้โชว์ฟอร์มออกมาได้ดีที่สุด และราคาบอลหรืออัตราจ่ายในช่วงเวลานี้จะไหลขึ้น ซึ่งหากเราชนะบิลเดิมพันก็จะทำให้เราได้กำไรที่มากขึ้นนั่นเองครับ

3. ราคาบอลไม่ได้บ่งบอกถึงโอกาสชนะเพียงอย่างเดียว
อีกหนึ่งปัจจัยที่เชื่อว่าหลายๆคนไม่รู้แน่นอน นั่นคือราคาบอลประเมินจากความนิยมลงเดิมพันของบอลคู่นั้นๆ หากคนสนใจลงเดิมพันทีมไหนมากเป็นพิเศษก็จะยิ่งทำให้ราคาบอลตกลงมามากขึ้น บางทีราคาบอลก็อาจจะหลอกตาผู้เล่นได้เหมือนกันครับ ฉะนั้นเราต้องคอยสังเกตราคาบอลให้ดีๆและอย่าลืมว่าราคาบอลไหลขึ้นหรือไหลลงนั้นเป็นผลมาจากปัจจัยความนิยมแทงบอลแต่ละทีมด้วยครับ ไม่ใช่แค่โอกาสแพ้ชนะเพียงอย่างเดียว

4. เลือกแทงบอลคู่ที่มีราคาบอลหรืออัตราจ่ายมากกว่า 1เท่า
หากว่าเราเลือกที่จะลงเดิมพันหรือแทงบอลคู่ที่มีราคาบอลน้อยกว่าหนึ่ง ลองคิดดูว่าถ้าเราแทงบอลด้วยราคาบอลเพียง 0.7 หรือน้อยกว่านั้น ตอนที่เราชนะบิลเดิมพัน 100บาท ก็จะได้กำไรเพียง 70 บาท แต่ตอนที่เราเสีย ต้องเสียไป 100 บาท ซึ่งยังไงมันก็ได้ไม่คุ้มเสียแน่นอนครับ ฉะนั้นเลือกคู่เด็ดๆสัก 2คู่แล้วใส่ราคาบอลที่คุ้มๆไปดีกว่าแน่นอน

5.เลือกแทงบอลทีมที่มีราคาบอลสูงที่สุดเสมอ
คือการเลือกแทงบอลนอกกระแสนั่นเองครับ การแทงบอลนอกกระแสในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการไปเลือกแทงบอลลีกที่คนไม่นิยม แต่หมายถึงการไม่เล่นบอลตามกระแสนั่นเอง ทุกวันนี้ตลาดการพนันบอลปั่นราคาบอลกันเช้าเย็นเป็นว่าเล่น แน่นอนว่าถ้าเราเห็นราคาบอลที่มันขึ้นลงแปลกๆแล้ว เราก็เหมือนเม่าน้อยในตลาดหุ้นที่ต้องรีบช้อน จนลืมคิดไปเลยว่าความเป็นจริงแล้วโอกาสการชนะของทีมไหนมีมากกว่ากันแน่

มันคือจิตวิทยาในการแทงบอลที่เว็บแทงบอลนำมาใช้กับนักพนันทั้งหลาย ฉะนั้น อย่าไปตามกระแสราคาบอลครับ จะขึ้นหรือจะลงก็ตามถ้าเราวิเคราะห์มาแล้ว และเห็นโอกาสการชนะว่ามีมากพอที่จะเสี่ยงลงเดิมพันทีมนั้นๆก็จัดเลยครับ

รู้ทันการออกราคาบอล ของเจ้ามือ

เพื่อให้การออกราคาบอลเหมาะสมที่สุด เจ้ามือหรือเว็บรับแทงบอลจะทำการบ้านก่อนเริ่มการแข่งขันศึกลูกหนังในแต่ละแมตช์อยู่เสมอ โดยนำข้อมูลต่างๆ มาประเมินและออกแบบราคาบอลให้ดึงดูดใจนักเดิมพัน และคุ้มราคาที่สุดโดยยึด 3 หลักการด้านล่างนี้

1. อันดับของทีมที่ลงสนาม
ข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นตัวชี้วัดในการตามหาทีมต่อและทีมรอง ซึ่งทางเจ้ามือหรือเว็บรับแทงบอลจะใช้อันดับตารางคะแนนเป็นหลักในการคิดและคำนวณหาราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงการเปิดฤดูกาลใหม่ๆ

2. แนวโน้มการลงเดิมพัน
ปัจจัยในการออกแบบราคาของเจ้ามือในส่วนนี้คือ จำนวนเงินหรือจำนวนผู้ลงเดิมพัน ที่มีผลต่อการเพิ่มขึ้นและลดลงของราคาบอล คุณสามารถสังเกตได้ก่อนเกมเริ่มว่า ยิ่งคนลงเดิมพันเยอะเท่าไร ราคาค่าน้ำก็ยิ่งกดลงมากเท่านั้น

3. ศักยภาพของทีมที่ลงแข่ง
นอกจากเรื่องทีมต่อ ทีมรองแล้ว อีกหนึ่งส่วนที่เป็นปัจจัยของการออกราคาบอล คือความแข็งแกร่งของทีม เจ้ามือจะต้องมองหาทีมที่มีความแข็งแกร่ง และมีความสามารถในการทำประตูได้สูง พร้อมศึกษาแนวโน้มที่จะเสียประตูของอีกทีมด้วยเช่นกัน

สำหรับวิธีการออกราคาบอลของเจ้ามือนั้นเกิดจากความน่าจะเป็น โดยเริ่มจากการนำข้อมูลต่างๆ มาเปรียบเทียบสถิติแล้วประเมินภาพรวมของทีมในการแข่งขันนั้นๆ เพื่อออกราคาตามความเหมาะสม รวมไปถึงกระแสการลงทุนที่นักพนันให้ความสนใจ ซึ่งราคาบอลอาจถูกเจ้ามือปรับตามแนวโน้มของเกม และทำให้เกิดราคาบอลไหลระหว่างการแข่งขันได้เช่นกัน

มาดูเทคนิคแทงบอลดักการออกราคาบอล

1. ราคาบอลนิ่งตอนไหน แทงตอนนั้น
ปัจจัยสำคัญคือ ค่านํ้า ซึ่งเป็นราคาบอลที่ไหลบ่อยที่สุด เมื่อคุณรู้แนวทางการไหลของค่าน้ำแล้ว สิ่งที่จะถูกปรับต่อมาคือ ราคาบอล ส่วนนี้จะเกิดหลังจากราคาน้ำถูกปรับแล้ว ภายใน 1 ชั่วโมงก่อนเริ่มการแข่งขันราคาบอลจะไหลขึ้น-ลงวิ่งสลับกันไปมา ตามปัจจัยของการออกราคาบอล
หากคุณลองเทียบจังหวะเวลาการไหลของค่าน้ำและราคาบอลจะเห็นได้ว่า ช่วงก่อนเกมเริ่ม 5 – 10 นาที เป็นเวลาที่เหมาะสมในการจัดสรรเลือกแทงทีมที่ใช่ เพราะช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่ราคาบอลยุติธรรม หรือ ราคาบอลนิ่งและดีที่สุดนั่นเอง

2. เลือกแทงบอลแบบ 1×2 ก็ทำเงินได้
– เลี่ยงการเลือกคู่ที่มี ราคาต่อเกินครึ่งลูก (0.5) หรือ ครึ่งควบลูก (0.75)
– เลือกราคาแบบฮ่องกง (HK) เพื่อความสะดวกในการเทียบราคากับตารางได้ ซึ่งคุณสามารถเช็คได้ในทันทีว่าลงเดิมพันแล้วจะได้เงินรางวัลเท่าไรหากชนะ หรือเสียเท่าไรหากแพ้
– นำราคาบอลแบบ 1×2 มาเทียบราคาเพื่อหาความคุ้มก่อนลงเดิมพัน

3. ดูราคาน้ำให้ดี ช่วยให้แทงสูงต่ำได้ตั้งแต่ครึ่งแรก
การแทงสกอร์สูงต่ำเป็นทางลัดยอดฮิตของเหล่าเซียน โดยเลือกเดิมพันเพียงทีมหนึ่งทีมเท่านั้น เพราะวิธีนี้จะยึดผลคะแนนรวมของทั้งสองทีมในการตัดสินแพ้ชนะนั่นเอง ซึ่งคุณสามารถเลือกแทงได้ทั้งแบบครึ่งเวลา หรือเต็มเวลาก็ได้ สังเกตได้จาก 3 ข้อดังนี้
– ค่าน้ำเท่ากัน และเหมือนกัน โดยสังเกตจากราคาโอเวอร์ หรือราคาเต็มเวลา
– ครึ่งแรกจ่ายที่ประมาณ 0.9X ทั้งสองฝั่ง (สังเกตแค่เลข 9 เลขต่อหลังเป็นอะไรก็ได้)
– สังเกตราคาแบบเต็มเกมและครึ่งแรก จ่ายที่ประมาณ 0.9X สองฝั่ง (สังเกตแค่เลข 9 เลขต่อหลังเป็นอะไรก็ได้)

4. สถิติย้อนหลังไม่เคยหลอก
– เช็คให้ชัวร์ว่าแมตช์นี้แข่งที่ไหน แล้วทีมเหย้า ทีมเยือนเป็นใคร เพราะส่วนมากทีมเจ้าบ้านจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอ ด้วยความคุ้นเคยสนาม อีกทั้งความมั่นใจเต็มเปี่ยมด้วยกองเชียร์ในบ้าน ทำให้มีโอกาสชนะสูงกว่าทีมเยือน
– นักเตะตัวหลักของแต่ละทีมลงเล่นครบหรือไม่ ส่วนนี้ต้องเช็คให้ชัวร์ เพราะเหมือนเป็นอาวุธสำคัญในการลงแข่งขัน ทีมจะแข็งแกร่งได้ก็ต่อเมื่อนักเตะตัวหลักลงครบ นอกจากนี้คุณต้องดูแผนการของทีมที่เลือกให้ดีว่ามีจุดเหนือกว่าอีกทีมหรือไม่
– สถิติย้อนหลังของแต่ละทีมนั้นสำคัญ โดยเฉพาะสถิติ 5 นัดหลังสุด หรือสถิติที่เคยพบกัน ทั้งหมดนี้จะเป็นเครื่องมือช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น